กลุ่มพาราเมาท์ฯ มั่นใจเศรษฐกิจไทยโต 3.6% พร้อมลงทุนต่อเนื่องหลัง ณ รีวา เจริญนคร สร้างคืบหน้า 73%
ณวรางค์ แอสเซท จับมือผู้ร่วมทุนกลุ่มพาราเมาท์ฯ ลงพื้นที่ตรวจโครงการ ณ รีวา เจริญนคร เผยก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 73% มั่นใจต้นปี 67 สร้างเสร็จ ชี้ตลาดอสังหาฯ และเศรษฐกิจไทย ศักยภาพแข็งแกร่งยังเติบโตต่อเนื่อง 3.6% หลังเห็นสัญญาณบวกจากดีมานด์ต่างชาติ ทั้งจีน ยุโรป อเมริกา ซื้ออสังหาฯ ลักชัวรี พร้อมจับมือกันต่อ ปั้นโปรเจ็กต์ต่อเมื่อสบช่องโอกาสทางตลาด
นายเบนจามิน เตาจงเฮียน กรรมการบริหาร และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มพาราเมาท์ คอร์ปอเรชั่น เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย (Mr.Benjamin Tao Jong Hian Deputy Group Chief Executive Officer / Executive Director, Group CEO’s office) เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มผู้บริหารได้เดินทางมาประชุมกับผู้บริหารบริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด จึงได้เดินทางไปตรวจความคืบหน้าโครงการ ณ รีวา เจริญนคร ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มพาราเมาท์ คอร์ปอเรชั่น เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย ในสัดส่วน 49% และบริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด สัดส่วน 51% มีมูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท พบว่าปัจจุบันมีความคืบหน้าด้านงานก่อสร้างไปแล้วถึง 73% คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ประมาณไตรมาส 1 ปี 2567 นี้
สำหรับการเข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยมีการร่วมทุนกับบริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด เป็นเพราะกลุ่มพาราเมาท์ฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพและการเติบโตของตลาดอสังหาฯ เมืองไทย รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งในปี 2566 มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 3.6% โดยมีกำลังซื้อและความต้องการมาจากชาวต่างชาติเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากประเทศจีน ยุโรป และอเมริกา รวมถึงการบริโภคภายในประเทศด้วย
“กลุ่มพาราเมาท์ฯ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมอสังหาฯ ของประเทศไทย เรามองว่าการลงทุนในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเติบโตของบริษัท ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทย ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในอัตราเดียวกันในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ด้วย” นายเบนจามิน กล่าวและว่า
กลุ่มพาราเมาท์ฯ ยังมองเห็นว่า ตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ มีศักยภาพการเติบโตและมีความต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนประชากรมากกว่า 18 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นมหานครใหญ่รองเป็นอันดับ 2 ของเอเชียในด้านขนาดของพื้นที่ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในแง่ของจำนวนประชากร ซึ่งเป็นที่สนใจและมีความต้องการจากกลุ่มชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะในตลาดอสังหาฯ ระดับลักชัวรี เห็นจากจำนวนชาวต่างชาติ ที่เริ่มกลับมาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา
นายเบนจามิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มพาราเมาท์ฯ ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของพันธมิตรทางธุรกิจอย่างบริษัท ณวรางค์ แอสเซทฯ ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาฯ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัย มีการพัฒนา โครงการต่าง ๆ ด้วยหลักการของ Well-being และ ESG ที่เป็นเทรนด์ในยุคปัจจุบันและอนาคต ซึ่งโครงการ ณ รีวา เจริญนคร มุ่งตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่มีสุขภาะที่ดี ด้วยการจัดให้มีพื้นที่ส่วนกลางแบบครบครัน ทั้งการจัดพื้นที่ Co-working Space การมีสวนส้มที่สะท้อนความเป็นเมืองแห่งผลไม้ ซึ่งลูกบ้านสามารถนำไปบริโภคได้ มีสวนสมุนไพรซึ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์รักสุขภาพของผู้อยู่อาศัย มีห้องฟิตเนสที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และสนามเด็กเล่นทั้งอินดอร์และกลางแจ้ง
“ในฐานะเพื่อนบ้านและพันธมิตรอาเซียน เราเห็นความร่วมมือมากมาย สำหรับมาเลเซียและไทยในการทำธุรกิจร่วมกัน ที่จะช่วยกันสร้างโอกาส สำหรับให้กับประชาชน และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ซึ่งกลุ่มพาราเมาท์ฯ ยังเชื่อมั่นตลาดอสังหาฯ ของไทย พร้อมจะลงทุนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นโอกาสทางการตลาดและความพร้อม” นายเบนจามิน กล่าวในตอนท้าย
No comments