ผลสำรวจอังกฤษชี้หนึ่งในสิบของผู้สูบบุหรี่เข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายกว่าบุหรี่มวน รัฐบาลอังกฤษยันสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมเพิ่มนโยบายปกป้องเด็กและเยาวชน
ผลสำรวจล่าสุดชี้ 4 ใน 10 ของผู้สูบบุหรี่ในสหราชอาณาจักรเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายเทียบเท่าหรือมากกว่าบุหรี่มวน แพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินหายใจและนักรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ผู้สูบบุหรี่เข้าใจว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่าการสูบบุหรี่มวน โดยองค์กรการกุศลด้านสาธารณสุข Action on Smoking and Health (ASH) ประมาณการณ์ว่าสหราชอาราชจักรมีผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าร้อยละ 9.1 หรือกว่า 4.7 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนั้น มี 2.7 ล้านคนที่เคยสูบบุหรี่มาก่อน ขณะที่ 1.7 ล้านคนยังคงสูบบุหรี่อยู่ในปัจจุบัน และ 320,000 คนไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน
ในแบบสำรวจผู้ใหญ่จำนวน 12,271 คน ร้อยละ 43 คิดว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นอันตรายเทียบเท่าหรือมากกว่าการสูบบุหรี่มวน ในบรรดาผู้สูบบุหรี่ที่เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอดีต ร้อยละ 43 กล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายกว่าการสูบบุหรี่มวน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 27 เมื่อปี 2019 ในบรรดาผู้สูบบุหรี่ที่เคยใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอดีตแต่เลิกใช้แล้ว ร้อยละ 44 เชื่อว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นอันตรายกว่าการสูบบุหรี่ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25
Hazel Cheeseman รองผู้บริหารระดับสูงของ ASH กล่าวว่า “รัฐบาลสนับสนุนกลยุทธ์การนำบุหรี่ไฟฟ้ามาเป็นแนวทางเพื่อลดอัตราการสูบบุหรี่ แต่แนวทางนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรหากผู้สูบบุหรี่ไม่ลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าเนื่องจากความกลัวในเรื่องของความปลอดภัย หรือหยุดใช้บุหรี่ไฟฟ้าเร็วเกินไปและกลับมาสูบบุหรี่มวน”
“รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขความเข้าใจของสาธารณชน เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจว่าความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นนับเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่เท่านั้น”
ศาสตราจารย์ Sarah Jackson นักวิจัยหลักในกลุ่มวิจัยยาสูบและแอลกอฮอล์ของมหาวิยาลัย University of College London กล่าวถึงผลการสำรวจว่า “น่าเป็นห่วง แต่ไม่น่าแปลกใจ” และกล่าวว่า “ยังคงเห็นความไม่เชื่อมโยงกัน” ของการสื่อสารต่อสาธารณชนเกี่ยวกับหลักฐานในเรื่องของอันตรายจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่มวน
ศาสตราจารย์ Ann McNeill จาก King’s College London กล่าวว่า “ความวิตกกังวลในเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นนั้นกำลังบดบังความจริงที่ว่าการเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่มวนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้ใช้มากกว่า”
“ไม่ถูกต้องที่จะกล่าวว่าเราไม่ทราบว่าความเสี่ยงจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่อาจพบคืออะไร ในทางตรงกันข้าม ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจสัมผัสสารก่อมะเร็งและสารพิษอื่นๆในระดับที่ต่ำกว่าในบุหรี่มวนอย่างมาก ซึ่งบ่งชี้ว่ามีแนวโน้มที่ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นก็จะนับเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการสูบบุหรี่มวน” เธอเสริมว่า จำเป็นจะต้องมีกฎระเบียบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็ก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจว่าสามารถช่วยให้ผู้ใหญ่เลิกสูบบุหรี่ได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีการเรียกร้องหลายครั้งให้กำชับกฎระเบียบว่าด้วยบรรจุภัณฑ์และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สมาชิกผู้แทนราษฎรในกระทรวงสาธารณสุขและสังคม (Health and Social Care Committee) กล่าวว่า รัฐบาลควรพิจารณาบรรจุภัณฑ์แบบเรียบสำหรับบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ยาสูบอื่นๆเพื่อ “จัดการกับแนวโน้มที่น่าตกใจ” ของอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน
โฆษกของกระทรวงสาธารณสุขและสังคมกล่าวว่า “เรากำลังดำเนินการเพิ่มเติมกว่าที่เคยเพื่อสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่เลิกบุหรี่ ซึ่งจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อย่างการเป็นประเทศปลอดควันภายในปี 2030”
“ผู้สูบบุหรี่ 1 ล้านคนจะได้รับการสนับสนุนให้ ‘เปลี่ยนเพื่อหยุด’ โดยการเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่มวนเป็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ภายใต้โครงการระดับชาติโครงการใหม่ที่เปิดตัวโดยรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นโครงการแรกของโลก”
“อย่างไรก็ตาม แม้การใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ เรามีความกังวลเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงร้องขอหลักฐาน (Call for Evidence) เพื่อระบุโอกาสที่จะลดจำนวนเด็กและเยาวชนที่เข้าถึงผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า และพิจารณาว่ารัฐบาลจะสามารถไปต่อได้อย่างไร”
ที่มา: https://uk.news.yahoo.com/more-40-smokers-think-vaping-230100280.html
No comments